หลังจากเกิดเหตุพายุถล่มเกาะเอาเทอร์เเบงค์ส เพื่อนทั้งสี่คนได้ล่องเรือไปตามแม่น้ำ พวกเขาบังเอิญไปพบเรือที่ล่มอยู่ จอห์น บี จึงตัดสินใจจะดำน้ำลงไปดูสำรวจของมีค่าในเรือที่อับปาง ผลปรากฏว่าเขาได้พบกับเข็มทิศสีทอง ซึ่งจอห์น บี ได้ล่วงรู้ความจริงว่ามันคือเข็มทิศของพ่อตัวเองที่มีการเขียนข้อความว่า Redfield อยู่ด้านหลัง ส่งผลให้เขาพยายามกลับไปสืบหาว่าตกลงแล้วเข็มทิศและข้อความดังกล่าว เกี่ยวข้องอะไรกับการหายตัวไปของพ่อตัวเอง
เมื่อทั้งสี่คนกลับไปค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับเข็มทิศทองคำ พวกเขาได้พบว่าแท้จริงแล้วพ่อของจอห์น บี มีความพยายามจะค้นหาสมบัติเกี่ยวกับตำนานเรือเมอร์แชนต์ที่เคยล่มลงในมหาสมุทรใกล้กับเอาเทอร์เเบงค์ส ว่ากันว่าภายในเรือลำนี้บรรทุกทองคำมหาศาลที่มีมูลค่ากว่าหลายล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ผองเพื่อนตัดสินใจจะค้นหาขุมสมบัติดังกล่าวกันต่อ เพียงเพราะอยากเล่นสนุก โดยไม่ทันได้ฉุกคิดเลยว่าการค้นพบเข็มทิศทองคำนั้นจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอันตรายที่คืบคลานเข้ามาในชีวิตของทั้งสี่คนแบบไม่ทันตั้งตัว
แม้ว่าแก่นโครงสร้างหลักของซีรีส์ Outer Banks พูดถึงการค้นหาขุมสมบัติ แต่จริงๆแล้วซีรีส์นี้จัดอยู่ในหมวดตีแผ่ชีวิตวัยรุ่นสุดว้าวุ่นในเอาเทอร์เเบงค์สซะมากกว่า โดยเรื่องราวเป็นเหมือนส่วนผสมระหว่างซีรีส์แนวๆ 90210 หรือ The O.C. เข้ากับการออกล่าขุมสมบัติ เนื่องจากปมขัดแย้งของเรื่องราวนั้น เกี่ยวข้องกับความแตกต่างทางด้านชนชั้นของตัวละคร โดยเฉพาะเรื่องความร่ำรวยและยากจน
เนื่องจากในตอนแรกของ Outer Banks จะมีการปูพื้นเพตัวละครให้เราเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนคือกลุ่มตัวละคร “แก๊งปลาเล็ก” ซึ่งเป็นเรื่องราวของกลุ่มตัวเอกที่เป็นเด็กยากจน ต้องทำงานเพื่อแลกเงิน ในขณะที่กลุ่มเด็กบ้านรวยจะมีชีวิตที่หรูหรา มีบ้านหลังใหญ่และไลฟ์สไตล์สุดสบาย โดยทั้งสองฝั่งนี้มักจะขิงกันอยู่ตลอดเวลา จนนำไปสู่ปัญหาความรุนแรงชกต่อย แย่งผู้หญิงกันตามประสาวัยรุ่นเลือดร้อน
ในฐานะที่ Outer Banks วางตัวเองมาเป็นซีรีส์วัยรุ่น แถมช่วงอายุของตัวละครเอกอยู่ที่ประมาณ 16 ดังนั้นความคิดความอ่านของตัวละครเหล่านี้จึงจัดได้ว่าค่อนข้าง “คิดน้อย” และในหลายครั้งหลายครา ความวู่วาม ไม่ถ้วนถี่ทำให้ปัญหาน่าปวดหัวเข้ามาคาราคาซังจนคนดูอาจจะเกิดอาการตั้งคำถามว่า มันจะทำแบบนั้นไปทำไม หาหัวใส่หัวชัดๆ แต่ก็นั่นแหละครับความเป็นเด็กกำลังโตของตัวละครเหล่านี้ ทำให้คนดูมองเห็นว่า บางครั้งการเป็นวัยรุ่นนั้นก็ต้องเผชิญหน้ากับความขาดเขลาของตัวเองก่อนที่จะเติบโตขึ้นนั่นเอง
ไม่เพียงเท่านั้นตัวละคร “ผู้ใหญ่” ที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายทั้งหมดในซีรีส์นี้ ก็มีอิทธิพลไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นเหล่าตำรวจ หรือผู้ปกครองของเด็กๆแต่ละคนที่กุมความลับหลายอย่างเกี่ยวกับเอาเทอร์เเบงค์สเอาไว้ เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้คนดูได้เห็นว่า ในหลายครั้งที่เหล่าเด็กๆคิดอะไรก็ลงมือทำเลย เก็บความลับกันไม่ค่อยจะอยู่ ผู้ใหญ่อีกหลายคนก็เลือกจะตีสองหน้าและรักษาผลประโยชน์ของตัวเองเอาไว้ด้วยการเล่นละครใส่กัน
Outer Banks อาจจะไม่ใช่ซีรีส์วัยรุ่นที่มีส่วนผสมอะไรใหม่ แต่วิธีการดำเนินเรื่อง ประกอบกับทีมนักแสดงที่มีเสน่ห์และขยันถอดเสื้อกันอยู่บ่อยๆ อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ใครอยากจะหาอะไรบันเทิงๆ เจริญหูเจริญตาดูแก้เบื่อในช่วงเวลานี้ได้ทาง Netflix กันแบบยาวๆไป